เคล็ดลับการใช้พลาสติกปูพื้นเทคอนกรีต เพื่อคอนกรีตที่แข็งแรงและทนทาน
งานก่อสร้างที่ต้องการความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง การเตรียมพื้นก่อนการเทคอนกรีตถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม วัสดุที่นิยมใช้ในการปูรองพื้นก่อนเทคอนกรีตนั้นก็คือ พลาสติกปูพื้นเทคอนกรีต หรือ พลาสติกใส
ซึ่งทำหน้าที่เป็นแผ่นพลาสติกบางๆป้องกันระหว่างคอนกรีตและพื้นดิน พลาสติกชนิดนี้ไม่เพียงช่วยป้องกันความชื้นและกรดด่างจากดินที่อาจส่งผลเสียต่อคอนกรีต แต่ยังช่วยควบคุมกระบวนการบ่มตัวของคอนกรีตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้วยคุณสมบัติของพลาสติกปูรองพื้นเช่น การกันน้ำ น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย และราคาไม่สูงมากนัก พลาสติกปูรองพื้นจึงกลายเป็นวัสดุที่ต้องมีในงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นงานพื้นอาคาร ที่จอดรถ หรือโครงสร้างที่ต้องการมาตรฐานสูง เช่น บ้านน็อคดาวน์
โดยบทความนี้จะพาไปรู้จักกับประโยชน์ของพลาสติกปูรองพื้นก่อนเทคอนกรีต และการนำไปใช้งานของพลาสติกปูรองพื้นก่อนเทคอนกรีตกัน
พลาสติกปูพื้นเทคอนกรีต คืออะไร ลักษณะเป็นอย่างไร
โดยการผลิตนั้นทำจากพลาสติกโพลีเอทิลีน (Polyethylene) PE ซึ่งมีคุณสมบัติยืดหยุ่นและทนต่อการฉีกขาดพลาสติกปูพื้นส่วนใหญ่จะมีสีขาวขุ่น โดยความหนา พลาสติกปูพื้นเทคอนกรีต ที่แนะนำให้ใช้ก็คือ 80ไมครอน ไปจนถึง 120ไมครอน กำลังดี
ไม่แนะนำให้น้อยไปกว่านี้หรือมากกว่านี้ จะบางเกินไป และหนาเกินไปในการใช้บ่มคอนกรีต ส่วนการใช้งานในด้านอื่นๆก็สามารถทำได้เช่นกัน เช่น การนำไปทำบ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงแหนแดง ปูรองพื้นก่อนวางของป้องกันความชื้นจากพื้นดิน คลุมสิ่งของ
พลาสติกปูพื้นเทคอนกรีตนั้นดีอย่างไร
พลาสติกปูรองพื้นนั้นมีความสำคัญมากในการใช้ทำพื้นคอนกรีต ช่วยเสริมความทนทานของคอนกรีตได้เป็นอย่างดี รวมไปเพิ่มอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น กว่าการไม่ได้ใช้พลาสติก ลงทุนครั้งเดียวอยู่ได้หลายสิบปีเลย
พลาสติกมีความสามารถในเรื่องของกันน้ำและป้องกันความชื้นจากพื้นดิน ป้องกันเชื้อรา ป้องกันปลวกมาสู่คอนกรีต พลาสติกรองพื้นPEยังทนต่อสารเคมีที่เป็นกรด ด่างได้ดีทำให้นิยมใช้ในการบ่มคอนกรีตเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจาก กรด ด่าง ความเค็ม ใต้พื้นดิน
ลดความเสี่ยงจากการกัดกร่อนที่อาจส่งผลต่อโครงสร้างในระยะยาวได้ การปูพลาสติกรองพื้นก่อนเทคอนกรีตนั้น ยังช่วยป้องกันฝุ่น เศษทราย เศษดินที่ใช้ในการถมพื้นเข้ามาผสมในช่วงของการเทคอนกรีตได้
และช่วยรักษาอุณหภูมิของคอนกรีตป้องกันคอนกรีตแตกร้าวจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ หรือ ความชื้นในระยะยาว ส่งผลให้โครงสร้างมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ช่วยทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือปรับปรุงโครงสร้างในอนาคตได้เป็นอย่างดี
การเลือกใช้สแลนกันแดดให้เหมาะสมสำหรับงานก่อสร้างป้องกันเศษฝุ่น : คลิกเลย
การนำไปใช้งานของพลาสติกปูพื้นเทคอนกรีต
โดยการนำไปใช้งานนั้นหลักๆเลยก็คืองานก่อสร้างนั่นเอง โดยในงานก่อสร้างนั้น นิยมนำมาปูรองพื้นดินที่ถมกันแน่นจนเป็นพื้นเรียบสวยแล้วจึงใช้พลาสติกปูพื้นปูลงไป โดยเมื่อปูเสร็จแล้ว จึงจะค่อยวางตาข่ายไวร์เมชทับลงบนแผ่นพลาสติกปูรองพื้นอีกทีนึงช่วยทำให้คอนกรีตมีความแข็ง ยืดหยุ่น รับแรงกระแทกได้
ลดโอกาสการเกิดรอยร้าวจากการบ่มตัวที่ไม่สมบูรณ์ได้เป็นอย่างดี ในการทำพื้นที่คอนกรีต 1 ครั้ง ถ้าม้วนพลาสติกยังเหลือสามารถเก็บไว้ใช้ในรอบถัดไปด้วย หรือ การนำพลาสติกรองพื้นนั้นไปทำบ่อกักเก็บน้ำขนาดเล็ก บ่อเลี้ยงปลาขนาดเล็ก บ่อเลี้ยงพืชน้ำ บ่อปลูกผักสลัด ก็ได้เช่นกัน
วิธีการทำพื้นคอนกรีตโดยใช้พลาสติกปูพื้นเทคอนกรีต
โดยขั้นตอนแรกจะเป็นการเตรียมพื้นงานก่อนการเทคอนกรีต โดย วิธีแรกคือการใช้ไม้แบบหล่อคอนกรีตกั้นพื้นที่ที่จะเทคอนกรีตก่อนแล้วทาน้ำมันถอดแบบลงไปเพื่อให้ง่ายต่อการแกะแบบในภายหลังการบ่มคอนกรีต
แล้วจึงใช้ดินอัดเข้าไปในพื้นที่ ที่ต้องการเทคอนกรีตโดยจะต้องอัดให้แน่นทุกพื้นที่ การอัดหน้าดินคือการปรับสภาพพื้นผิวก่อนจะทำการเทคอนกรีต โดยจะค่อยๆอัดทีละชั้นชั้นละ 15-30 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ว่าจะอัดดินมากน้อยแค่ไหน
ไม่ควรอัดดินในทีเดียวเพราะจะทำให้ดินชั้นล่างๆไม่มีความหนาแน่นของดินที่ทั่วถึงอาจทำให้เกิดการทรุดตัวในภายหลังได้ ในการอัดหน้าดินในแต่ละชั้น ทำได้ด้วยการใช้เครื่องตบหน้าดิน เครื่องอัดแบบสั่นสะเทือน ลูกกลิ้ง หรือ จะใช้ค้อนตบหน้าดินก็ได้
เวลาตบอัดหน้าดินในแต่ละชั้นหากดินแห้งเกินไปสามารถฉีดน้ำเพื่อลดความแข็งของดินได้จะช่วยทำให้เวลาอัดหน้าดินจะมีความแน่นมากยิ่งขึ้น ยิ่งดินสลายการจับตัวกันจะทำให้การตบหน้าดินทำได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่การลดน้ำหน้าดินไม่ควรลดจนแฉะเกินไปลดแต่พอดี
เมื่ออัดหน้าดินแน่นมากพอจนถึงระดับตามต้องการแล้วให้ทิ้งหน้าดินไว้สักพักให้ดินแห้งสนิทก่อน แล้วทดสอบดูว่าดินมีความแน่นพอไหม ถ้ายังให้ทำการตบอัดหน้าดินใหม่เพื่อให้หน้าดินมีความแน่น เรียบเสมอกัน
เมื่อได้ตามต้องการแล้วให้ใช้พลาสติกปูพื้นเทคอนกรีตปูลงไปก่อนโดยความหนาของพลาสติกปูรองพื้นนั้นแนะนำตั้งแต่ 80 ไมครอน ไปจนถึง 120 ไมครอน โดยการปูถ้าในพื้นที่กว้าง อาจจะต้องตัดแบ่ง หรือใช้หลายม้วน จึงทำให้มีรอยระหว่างผืน
แนะนำให้แผ่นพลาสติก ทับเกยกันอย่างน้อย 15-30 เซนติเมตรเพื่อป้องกันความชื้นที่จะเล็ดลอดออกมาตามรอยต่อได้ส่งผลต่อการบ่มคอนกรีต เมื่อทำการปูเสร็จแล้ว ใช้ตะแกรงไวร์เมช โดยไวร์เมชจะมีหลายความหนาขึ้นอยู่กับพื้นที่ในการใช้งานว่ารับน้ำหนักเยอะไหม
โดยไวร์เมช หนา 3-4 มิล ตาห่าง20×20เซนติเมตร เหมาะสำหรับทำลานจอดรถเล็กๆ พื้นที่ทั่วไป ถ้าพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักเยอะตลอด แรงกดอัดเยอะแนะนำ ไวร์เมช หนา 6-9 มิล ตาห่าง15×15 เซนติเมตร กำลังดี
เมื่อได้ไวร์เมช ที่ต้องการมาปูแล้ว ให้ทำการใช้ บล็อกไม้ อิฐ หรือ ลูกปูน ที่มีขนาดสูง 5 เซนติเมตร ไม่ยาวจนเกินไป เพื่อรองระหว่าง ไวร์เมช กับ แผ่นพลาสติกปูพื้นเทคอนกรีต แนะนำให้ใช้ลูกปูนเพื่อป้องกันปลวกได้และเพื่อความแข็งแรง
โดยในบางพื้นที่อาจจะทำที่วัดระดับคอนกรีตโดยการใช้แท่งเหล็กปักลงพื้นแทงขึ้นมาให้ได้ตามขนาดพื้นที่ต้องการจะเทคอนกรีต จะทำให้ทำงานง่ายตอนปรับระดับพื้นคอนกรีต สิ่งสำคัญในการยกไวร์เมชให้ห่างจากแผ่นพลาสติกปูรองพื้นก็คือป้องกันสนิมที่จะเกินขึ้นกับไวร์เมชในภายหลังได้
ส่วนในการคำนวณหาปริมาณคอนกรีตนั้น วิธีก็คือการคำนวณหาพื้นที่เหลี่ยม วิธีการคือ ปริมาณคอนกรีตลูกบาศก์เมตร(คิว) = ความกว้าง (เมตร)× ความยาว (เมตร)×ความสูงที่จะเทคอนกรีต (เมตร)
ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่ ในการเทคอนกรีตพื้นที่ กว้าง5เมตร ยาว5เมตร สูง 0.15 เมตร วิธีคำนวณคือ 5 x 5 x 0.15 จะได้ ปริมาณคอนกรีต 3.75 ลูกบาศก์เมตร(คิว) แต่ตอนสั่งให้เผื่อปริมาณคอนกรีตไปอีก ประมาณ 5 – 10 % จากค่าที่คำนวณได้
เมื่อเทคอนกรีตในพื้นที่ที่เตรียมไว้แล้ว ให้ใช้เกรียงสามเหลี่ยมปาด เพื่อปรับหน้าผิวคอนกรีต ให้เรียบเสมอกับเหล็ก ที่ปักทำระดับพื้นไว้ก่อนหน้านี้ แล้วจัดแต่งผิวหน้า คอนกรีตให้เรียบเนียน พร้อมเข้าสู่ขั้นตอนการบ่มต่อไป
การบ่มคอนกรีต
ในการบ่มคอนกรีตนั้นจะเป็นขั้นตอนที่ต่อจาก การเทคอนกรีต แล้วปรับผิวหน้าคอนกรีตเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะเข้าสู่ขั่นตอนการบ่ม การบ่มคอนกรีตคือ กระบวนการที่ช่วยให้คอนกรีตมีกำลังอัด และความแข็งแรงมากพอ
โดยการรักษาความชื้นและควบคุมอุณหภูมิในช่วงที่คอนกรีตกำลังแข็งตัว เรียกว่าปฏิกิริยาไฮเดรชั่น หลังจากการเทคอนกรีต กระบวนการนี้สำคัญต่อคุณภาพ ความแข็งแรงของคอนกรีตที่พร้อมจะรับน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างในระยะยาวได้เป็นอย่างดี
ยิ่งมีเวลาบ่มนานก็จะยิ่งมีความแข็งสามารถรับกำลังอัดได้ดี โดยระยะเวลาของการบ่มคอนกรีตขั้นต่ำเลยจะอยู่ที่ 7 วัน โดยสามารถรับกำลังอัดได้ 70 % ถ้ามีเวลาบ่มแนะนำ 28 วันขึ้นไป โดยจะสามารถรับกำลังอัดได้ 100%
โดยในเวลาการบ่มนั้นจะต้องรักษาความชื้นของคอนกรีตอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการรักษาความชื้นในคอนกรีตนั้นสำคัญมากในการทำปฏิกิริยาไฮเดรชั่น ซึ่งจะส่งผลต่อความแข็งแรงของคอนกรีตได้เป็นอย่างดี
การรักษาความชื้นใต้คอนกรีตนั้นทำได้ด้วยการใช้พลาสติกปูพื้นเทคอนกรีต ส่วนการป้องกันความชื้นของคอนกรีตไม่ให้ระเหยออก ที่มีให้เห็นส่วนใหญ่จะเป็นการนำกระสอบผ้าที่สะอาดมาคลุมตามพื้นผิวคอนกรีตจะช่วยรักษาความชื้นไม่ให้น้ำระเหยออกให้ความชื้นอยู่ภายในกระสอบได้
แต่จะมีข้อเสียตรงที่ว่า ถ้าอากาศร้อน น้ำก็จะระเหยออกจากกระสอบไว ต้องหมั่นรดน้ำให้คอนกรีต 3 เวลาต่อวันเลยก็ว่าได้ ข้อดีของการใช้กระสอบก็คือประหยัดค่าใช้จ่าย ใช้งานง่าย
ส่วนการใช้พลาสติกปูรองพื้นนั้นก็ทำได้เหมือนกัน ข้อดีก็คือ ถ้าคลุมดีจะช่วยรักษาความชื้นในพื้นคอนกรีตที่บ่มได้เป็นเวลานานอย่างน้อย 2-3 วันแล้วคอยสังเกตความชื้นจากคอนกรีตจึงค่อยรดน้ำอีกครั้ง น้ำหนักเบา ปูได้ง่าย
ข้อเสียคือถ้าใช้ในพื้นที่กว้างๆ จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นกว่าการใช้กระสอบคลุมผิวคอนกรีต เหมาะปูบ่มคอนกรีตในพื้นที่ที่ไม่ใหญ่ และถ้าทับรอยต่อไม่ดีก็มีโอกาสที่ความชื้นจะระเหยออกไปได้ไว ควรทับเกยกันอย่าน้อย 15 เซนติเมตรในการคลุมผิวคอนกรีต
การใช้แผ่นพลาสติกปูรองพื้นนั้นช่วยให้ประหยัดเวลาในการรดน้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถมีเวลาในการทำสิ่งอื่นๆมากขึ้น การบ่มคอนกรีตตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นวิธีการบ่มคอนกรีตที่อุณหภูมิปกติ
วิธีคือการรักษาความชื้นในคอนกรีตให้ได้เวลาที่เหมาะสม โดยจะใช้วัสดุคลุมรักษาความชื้นคอนกรีต หรือจะ บ่มด้วยน้ำยาเคลือบผิวคอนกรีต ก็ได้ ส่วนอีกวิธีจะเป็นการบ่มคอนกรีตที่อุณหภูมิสูง ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ความร้อนและความชื้นจากไอน้ำเพื่อเร่งปฏิกิริยาการแข็งตัวของคอนกรีต แต่วิธีนี้เหมาะกับการทำกับพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป เสาเข็มคอนกรีตสำเร็จรูป มากว่านั่นเอง
บ่มคอนกรีตเองกับการใช้แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปต่างกันไหม
การบ่มคอนกรีตเอง และ การใช้แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป นั้นถ้าให้พูดถึงความสะดวกแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปย่อมสะดวกรวดเร็วกว่าแน่นอนแต่การนำไปใช้งานนั้นค่อนข้างแตกต่างกัน
คือการบ่มคอนกรีตนั้นจะเหมาะกับการนำมาทำพื้นบ้านชั้น1 พื้นชั้นล่างอาคาร โรงจอดรถ พื้นที่ที่มีการรับน้ำหนักเยอะๆเป็นเวลานาน ซึ่งการบ่มคอนกรีตเองจะเหมาะกว่า วิธีการทำตั้งแต่เริ่มค่อนข้างซับซ้อน ใช้เวลา และใช้งบเยอะกว่า
ส่วนการใช้แผ่นคอนกรีตสำเร็จนั้น นิยมใช้ในการทำพื้นบ้านชั้น 2 เป็นต้นไป ซึ่งแผ่นสำเร็จนั้น สะดวกรวดเร็วกว่าโดยปูเป็นแผ่นตามคานวางไวร์เมชปูคอนกรีตได้เลย ถูกกว่า
แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ที่ต้องเจาะรูบนพื้น เนื่องจากจะกระทบต่อความแข็งแรงได้ ถ้าจะเจาะเพื่อต่อท่อน้ำแนะนำให้ทำพื้นหล่อในที่จะดีกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้น และมีความแข็งแรงที่ใช้ได้ดีในระยะยาว
สรุป
การใช้พลาสติกปูพื้นเทคอนกรีตในงานก่อสร้าง คือมาตรฐานสำคัญในการเทคอนกรีตเลยก็ว่าได้ซึ่งการใช้งานนั้นช่วยป้องกันความชื้น ความเค็ม กรด ด่างซึมขึ้นมาจากพื้นดิน และป้องกันความชื้นระเหยออกจากคอนกรีตได้เป็นอย่างดี
ทำให้ขึ้นตอนการบ่มคอนกรีตสามารถทำได้อย่างเต็มที่ และสิ่งสำคัญในการบ่มคอนกรีตก็คือความชื้น และเวลายิ่งบ่มนานก็จะยิ่งทำให้ คอนกรีตแข็งแรงมากยิ่งขึ้นพร้อมที่จะรับแรงอัดที่มากขึ้นนั่นเอง